โทรด่วน 24 ชม. : 0870795020

ติดต่อชมผลงานทางFacebook: https://www.facebook.com/batterysongkhla

ติดต่อทาง Line : https://line.me/ti/p/m6qAyVQieK

6การดูแลรักษาใช้งาน แบตเตอรี่รถยนต์

1. หลีกเลี่ยงการใช้รถสำหรับการเดินทางระยะสั้นบ่อยๆ

แบตเตอรี่ ทำหน้าที่จ่ายไฟเพื่อใช้ในการสตาร์ทรถ และจะชาร์จไฟกลับเข้าแบตระหว่างที่เราขับรถ ถ้าเราใช้รถสำหรับระยะทางที่สั้นมากๆ จะทำให้ไม่มีช่วงเวลาที่แบตเตอรี่จะได้ชาร์จไฟกลับเข้ามาเลย ทำให้กำลังไฟหายไปในช่วงนั้น และถ้าเราทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำบ่อยๆ หรือทุกวัน จะส่งผลให้แรงดันไฟฟ้าลดลงไปจนสุดท้ายแบตเตอรี่สูญเสียกำลังไฟจนไม่สามารถชาร์จไฟเพื่อสตาร์ทรถได้

2. ตรวจเช็กจุดยึดแบตเตอรี่

แรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ทำให้แบตเตอรี่มีอายุสั้นลงได้ ควรเช็กตำแหน่งที่วางแบตเตอรี่ให้ดี ว่าวางอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง และยึดให้แน่น ไม่ให้แบตเตอรี่สั่นเมื่อรถกำลังวิ่ง เพราะจะทำให้ส่วนประกอบภายในกระแทกและเสียหายได้

3. รักษาความสะอาดแบตเตอรี่

แบตเตอรี่ควรอยู่ในสภาพที่ สะอาด แห้ง ไม่มีฝุ่นจับหนาเขรอะ ไม่มีคราบเปื้อน และไม่มีคราบขี้เกลือสีขาวๆขึ้นที่แบตเตอรี่ เพราะสิ่งสกปรกเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพในการจ่ายไฟของแบตได้ จุดจ่ายไฟของแบตเตอรี่จะถูกกัดกร่อนตามระยะเวลาของการใช้งานอยู่แล้ว แต่การรักษาความสะอาดจะช่วยทำให้ยืดอายุการใช้งานได้ ซึ่งเราสามารถทำความสะอาดได้ด้วยการใช้แปรงสีฟันที่จุ่มด้วยเบกกิ้งโซดาและน้ำเปล่า และเช็ดออกด้วยผ้าสะอาด

4. หลีกเลี่ยงจอดรถในอากาศร้อนจัด

อุณหภูมิที่ร้อนจัดมีผลกระทบกับแบตเตอรี่ในทางอ้อม คือ ของเหลวที่อยู่ในแบตเตอรี่อาจจะระเหยออกได้ ถึงแม้ว่า
แบตเตอรี่จะถูกผลิตมาและซีลอย่างมิดชิดแล้วก็ตาม เพราะฉะนั้นเราควรจอดรถในสภาพแวดล้อมที่ไม่ร้อนจัด

5. อย่าปล่อยให้น้ำในแบตเตอรี่แห้ง

สำหรับแบตเตอรี่แบบน้ำ ข้อดีคือมีราคาที่ถูกกว่าแบตเตอรี่แบบแห้ง แต่การดูแลรักษาก็จะเพิ่มขึ้น เมื่อผ่านการใช้งานไปสักระยะ น้ำที่อยู่ในแบตจะละเหยลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากความร้อนของสภาพอากาศภายนอก และความร้อนที่เกิดจากเครื่องยนต์ หากปล่อยให้แห้งโดยไม่รักษาระดับน้ำเอาไว้ ก็จะทำให้แบตลูกนั้นเสื่อมอายุได้ สำหรับแบตเตอรี่แบบน้ำที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ควรเติมเฉพาะน้ำกลั่นเท่านั้น ห้ามใช้น้ำประปา หรือน้ำกรดเติมเข้าไป เพราะที่ละเหยออกไปนั่น คือน้ำ แต่กรดยังคงอยู่เท่าเดิม

6. อย่าทิ้งรถไม่ได้ขับนานเกินไป

นานเกินไป หมายความว่า เกิน 1 อาทิตย์ ประจุไฟที่อยู่ในแบตจะหายไปเองถ้าถูกทิ้งไว้นานๆโดยที่ไม่มีการเรียกชาร์จหรือสตาร์ทเครื่องยนต์เลย เพราะฉะนั้นควรสตาร์ทรถและนำรถออกวิ่งสักพักนึง เพื่อให้แบตเตอรี่ได้ทำการรีชาร์จไฟ

และทั้งหมดนี้คือเคล็ดลับดีๆที่ทีมงานออโต้สปินน์ได้รวบรวมมาฝากครับ ลองนำไปทำตามกันดูครับ ในระยะยาวรับรองว่าได้ผลแน่นอน